fbpx
โลโก้ Pararin Publishing – สำนักพิมพ์ที่สร้างสรรค์หนังสือให้กำลังใจและพัฒนาตัวเอง จากการเรียนรู้สิ่งที่เคยพลาด

Pararin Publishing ตั้งใจเขียนทุกบทความให้คุณได้อ่านแบบไม่มีโฆษณากวนใจ

เพราะเราอยากให้คุณได้อ่านบทความดี ๆ อย่างเต็มที่ ถ้าคุณรู้สึกว่าเนื้อหาของเรามีคุณค่า

สนับสนุนเราได้ด้วยการซื้ออีบุ๊ค หรือร่วมสมทบตามใจคุณ

เพราะทุกการสนับสนุนของคุณ คือพลังที่ทำให้เราสร้างเนื้อหาดี ๆ ได้ตลอดไป

พูดถึง “ชายแดนไทย-กัมพูชา” หลายคนอาจนึกถึงภาพทหารยืนประจันหน้ากันที่เชิงเขา บางคนอาจนึกถึงข้อพิพาทเขาพระวิหาร หรือข่าวปะทะเล็ก ๆ ที่โผล่ขึ้นมาในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว แต่ความจริงคือ เรื่องของชายแดนไทย-กัมพูชาไม่ได้เริ่มต้นจากปืน และไม่ควรถูกจบลงด้วยคำตัดสินของศาลโลกเพียงอย่างเดียว

มันคือประวัติศาสตร์ของเส้นที่ถูกลากโดยคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ และผลักให้คนที่อยู่สองฝั่งชายแดนต้องใช้ชีวิตภายใต้ความรู้สึกระแวง ความไม่ไว้ใจ และความไม่แน่ใจว่า “วันนี้ เราจะยังเป็นเจ้าของแผ่นดินตรงนี้อยู่หรือไม่”

เส้นที่ไม่เคยตรงกันบนแผ่นดินเดียวกัน

พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณเขาพระวิหาร คือจุดที่ “เส้นเขตแดน” กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเห็นตรงกัน ฝ่ายไทยยึดหลักแนวสันปันน้ำตามหลักภูมิศาสตร์สากล โดยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ขณะที่กัมพูชาถือแผนที่ 1:200,000 ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นในสมัยอาณานิคม ซึ่งแสดงว่าเขาพระวิหารอยู่ฝั่งกัมพูชา

แผนที่ทั้งสองฉบับไม่สอดคล้องกันในรายละเอียด และไม่ได้ผ่านกระบวนการรับรองร่วมกัน จุดนี้ทำให้ชายแดนไทย-กัมพูชา กลายเป็นพื้นที่ที่ “ไม่มีใครยอมใคร” และไม่มีฝ่ายใดกล้ายอมรับว่าแผนที่ของอีกฝ่ายหนึ่งถูกต้อง

ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องแผนที่ แต่คือเรื่องของ “การยอมรับ”

เมื่อเราพูดถึงชายแดนไทย-กัมพูชา คนทั่วไปมักตั้งคำถามว่า “ถ้าทั้งสองฝ่ายมีแผนที่คนละฉบับ ก็เปิดเทียบกันสิ จะได้รู้ว่าใครผิด” แต่คำถามนี้ง่ายเกินไปสำหรับปัญหาที่ซับซ้อนขนาดนี้ เพราะในทางกฎหมายระหว่างประเทศ การแบ่งเขตแดนไม่ใช่แค่เรื่องของ “ใครถือแผนที่อะไร” แต่เกี่ยวข้องกับว่า “แผนที่นั้นถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร ใครมีสิทธิ์เลือกมัน และฝ่ายตรงข้ามยอมรับหรือไม่”

ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จึงไม่ได้อยู่ที่การลากเส้นผิดพลาด แต่คือ “ใครเป็นคนมีสิทธิ์วางเส้นนั้น” และ “ใครไม่มีโอกาสปฏิเสธตั้งแต่ต้น”

แผนที่ 1:200,000 ปากกาอาณานิคมที่เขียนแทนทั้งสองชาติ

แผนที่ที่เป็นต้นเหตุความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา คือแผนที่ 1:200,000 หรือที่เรียกกันในเอกสารว่า “Annex I Map” ซึ่งฝรั่งเศสจัดทำขึ้นฝ่ายเดียวหลังจากลงนามในสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส

แผนที่นี้ไม่ได้ผ่านการเจรจาร่วม ไม่ได้มีการลงนามจากฝ่ายไทย และไม่ได้แสดงแนวสันปันน้ำตามที่ตกลงไว้ในสนธิสัญญา แต่กลับถูกใช้เป็นหลักฐานในการตัดสินของศาลโลกในปี 2505 โดยที่ฝ่ายไทยไม่เคยมีสิทธิ์เลือกใช้แผนที่ฉบับนี้เลยตั้งแต่ต้น

ชายแดนไทย-กัมพูชา เส้นที่ไม่มีใครได้เลือก แต่ทุกคนต้องรับผล

เมื่อแผนที่ที่ใช้ตัดสินสิทธิ์เหนือพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เกิดจากการตกลงร่วมกันอย่างเท่าเทียม ความขัดแย้งจึงไม่ได้เป็นแค่เรื่องของ “พื้นที่” แต่ลึกลงไปถึงความรู้สึกว่า “เราไม่เคยได้พูด ไม่เคยได้เลือก แต่กลับถูกตัดสินแล้ว”

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยจำนวนมากรู้สึกว่า คำตัดสินของศาลโลกเรื่องเขาพระวิหารไม่เป็นธรรม แม้จะอ้างอิงเอกสารที่ถูกใช้มาอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเอกสารนั้นไม่เคยมีการยินยอมร่วม มันควรถูกตั้งคำถามหรือไม่?

เสียงของผู้คนที่อยู่ริมชายแดนไทย-กัมพูชา

สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ข้อพิพาทเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย มันคือความเปลี่ยนแปลงที่กระทบชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การปิดด่าน การหยุดขนส่งสินค้า การจำกัดเส้นทางสัญจร และแม้แต่ความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะ

ในหลายช่วงเวลา เมื่อความตึงเครียดเพิ่มสูง ด่านผ่านแดนถูกปิดโดยไม่มีคำอธิบาย รถขนของต้องจอดนิ่งอยู่หน้าด่าน ชาวบ้านที่เคยค้าขายข้ามฝั่งต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด และบางครอบครัวต้องอพยพหนีเพราะกลัวเหตุปะทะ แม้จะไม่ใช่สงครามเต็มรูปแบบ แต่ก็ไม่เคยมีใครรู้แน่ชัดว่า “ความเงียบในวันนี้ จะกลายเป็นเสียงปืนในวันพรุ่งนี้หรือไม่”

ความไม่เข้าใจที่กลายเป็นอคติ

ชายแดนไทย-กัมพูชา จึงไม่ใช่แค่เส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์ แต่มันเป็นเส้นแบ่งของความเข้าใจที่ไม่เคยถูกเยียวยา ไทยเห็นว่าเขาพระวิหารตั้งอยู่บนยอดเขา ฝั่งไทยมีเส้นทางหลักในการขึ้นไปสู่พื้นที่นั้น ในขณะที่กัมพูชามองว่านี่คือพื้นที่ของตนตามแผนที่ที่ฝรั่งเศสใช้มานานหลายทศวรรษ

เมื่อทั้งสองฝ่ายมองความจริงจากแผนที่คนละชุด การเจรจาจึงไม่เคยเริ่มต้นจากจุดร่วม หากแต่เริ่มจากความรู้สึกว่า “อีกฝ่ายโกหก” หรือ “อีกฝ่ายแย่งของของเรา”

บทเรียนจากชายแดนไทย-กัมพูชา

หนึ่งในบทเรียนที่สำคัญที่สุดจากเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา คือการตระหนักว่า เอกสารใด ๆ ที่ใช้ในเวทีโลก ควรผ่านกระบวนการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย เพราะถ้าจุดเริ่มต้นของข้อตกลงไม่เป็นธรรม ปลายทางของคำตัดสินก็ยากจะได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง

และหากยังใช้แผนที่ที่คนในพื้นที่ไม่เคยมีโอกาสเห็น ไม่เคยมีสิทธิ์เลือก แล้วบอกว่า “นี่คือหลักฐานของโลก” ความขัดแย้งก็จะยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิม

ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องเริ่มจากความเข้าใจใหม่

ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะของนักการเมือง ทหาร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น แต่มันคือปัญหาที่มีผลต่อคนธรรมดาทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร คนค้าขาย หรือเด็กที่เติบโตขึ้นมาในพื้นที่ซึ่งยังไม่มีใครยืนยันได้แน่ชัดว่า “ตรงนี้คือของใครกันแน่”

ถ้าเราอยากเห็นชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาเป็นพื้นที่แห่งความร่วมมือ ไม่ใช่สนามของความระแวง เราอาจต้องเริ่มจากการยอมรับว่า ความจริงในแผนที่ อาจไม่ใช่ความจริงที่ทุกคนได้เห็นพร้อมกันตั้งแต่แรก

Pararin Publishing ตั้งใจเขียนทุกบทความให้คุณได้อ่านแบบไม่มีโฆษณากวนใจ

เพราะเราอยากให้คุณได้อ่านบทความดี ๆ อย่างเต็มที่ ถ้าคุณรู้สึกว่าเนื้อหาของเรามีคุณค่า

สนับสนุนเราได้ด้วยการซื้ออีบุ๊ค หรือร่วมสมทบตามใจคุณ

เพราะทุกการสนับสนุนของคุณ คือพลังที่ทำให้เราสร้างเนื้อหาดี ๆ ได้ตลอดไป