fbpx
โลโก้ Pararin Publishing – สำนักพิมพ์ที่สร้างสรรค์หนังสือให้กำลังใจและพัฒนาตัวเอง จากการเรียนรู้สิ่งที่เคยพลาด

Pararin Publishing ตั้งใจเขียนทุกบทความให้คุณได้อ่านแบบไม่มีโฆษณากวนใจ

เพราะเราอยากให้คุณได้อ่านบทความดี ๆ อย่างเต็มที่ ถ้าคุณรู้สึกว่าเนื้อหาของเรามีคุณค่า

สนับสนุนเราได้ด้วยการซื้ออีบุ๊ค หรือร่วมสมทบตามใจคุณ

เพราะทุกการสนับสนุนของคุณ คือพลังที่ทำให้เราสร้างเนื้อหาดี ๆ ได้ตลอดไป

"ใครผิด ใครต้องรับผิดชอบ ถ้ารู้สาเหตุแล้ว คุณจะอึ้ง" Pararin Publishing – สำนักพิมพ์ที่สร้างสรรค์หนังสือให้กำลังใจและพัฒนาตัวเอง จากการเรียนรู้สิ่งที่เคยพลาด

ในข้อพิพาทเขตแดนระหว่าง ไทย-กัมพูชา ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา ไม่มีเอกสารใดถูกกล่าวถึงมากเท่า แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน หรือที่รู้จักกันในนาม Annex I Map แผนที่ฉบับนี้กลายเป็นหัวใจสำคัญของคดีพิพาทเรื่อง “เขาพระวิหาร” และพื้นที่ทับซ้อนอื่น ๆ ตามแนวชายแดน ซึ่งถูกยกขึ้นต่อหน้าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในปี 2505

แต่คำถามสำคัญที่สุดที่ยังค้างคาใจทั้งนักวิชาการและประชาชนชาวไทยก็คือ แผนที่ 1:200,000 ฉบับนี้ เคยเป็นส่วนหนึ่งของอนุสัญญาไทย–ฝรั่งเศส ปี 1907 จริงหรือไม่?

แผนที่ Annex I Map: เครื่องมือของอำนาจ ไม่ใช่ผลของความตกลง

แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ที่ถูกเรียกว่า Annex I Map นั้น ถูกผลิตโดยเจ้าหน้าที่อาณานิคมฝรั่งเศสภายหลังจากการลงนามอนุสัญญาไทย–ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 โดยไม่มีการประชุมร่วม หรือความเห็นชอบจากฝ่ายสยามในส่วนของเส้นเขตแดนที่แสดงในแผนที่นี้ ไม่มีลายเซ็นหรือคำยืนยันของฝ่ายไทย ไม่มีบันทึกการประชุมว่าฝ่ายไทยได้ตรวจสอบแผนที่นี้ก่อนจะถูกจัดพิมพ์และเผยแพร่สู่ภายนอก

ข้อมูลจากเอกสาร Counter-Memorial ที่ฝ่ายไทยส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีพิพาทปี 2505 ชี้ชัดว่า แผนที่ 1:200,000 ดังกล่าวจัดพิมพ์ที่ปารีสในปี 1908 และถูกส่งมายังไทยหลังจากที่อนุสัญญาฉบับจริงได้ถูกลงนามและมีผลบังคับใช้ไปแล้วกว่าหนึ่งปี แผนที่ชุดนี้จึงไม่สามารถนับว่าเป็น “ส่วนหนึ่งของสัญญา” ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศได้

หลักฐานจากฝรั่งเศสและศาลโลก ไม่มีแผนที่แนบในปี 1907

จากการสืบค้นเอกสารทางการทูตของฝรั่งเศส รวมถึงรายงานของนักภูมิศาสตร์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีข้อมูลตรงกันว่า ไม่มีแผนที่ใดที่จัดทำเสร็จทันในช่วงเดือนมีนาคม ค.ศ. 1907 ซึ่งเป็นเวลาที่อนุสัญญาฉบับนั้นถูกลงนามโดยทั้งสองฝ่าย การทำแผนที่ยังอยู่ระหว่างกระบวนการของ Captain Kerler และ Captain Oum ซึ่งเป็นวิศวกรฝรั่งเศสที่รับผิดชอบด้านนี้ในภายหลัง

แม้ภายหลังจะมีความพยายามของฝ่ายฝรั่งเศสในการใช้ Annex I Map เป็นหลักฐานในการปักเขตแดน โดยอ้างว่า “ไทยรู้เห็นและไม่คัดค้าน” แต่คำว่า “รู้เห็น” นี้ไม่ได้มีการยืนยันในทางลายลักษณ์อักษร หรือผ่านขั้นตอนการให้สัตยาบันจากรัฐบาลไทยในขณะนั้นเลย

ข้อโต้แย้งทางกฎหมายที่ไทยสามารถใช้ได้

ในหลักปฏิบัติของกฎหมายระหว่างประเทศ ศาลมักจะพิจารณาเรื่อง “เจตนาของคู่สัญญา” และ “การยินยอมร่วมกัน” เป็นหลัก แผนที่ที่จัดทำขึ้นภายหลังโดยฝ่ายเดียว โดยไม่มีการตรวจสอบร่วม ไม่มีการลงนาม และไม่มีการแนบอย่างเป็นทางการในเนื้อหาของอนุสัญญา ย่อมไม่สามารถนับว่าเป็นหลักฐานร่วมที่มีผลผูกพันได้

กรณีของ Annex I Map จึงเข้าข่ายเป็นแผนที่ “ฝ่ายเดียว” (unilateral document) ซึ่งมีน้ำหนักน้อยที่สุดในบรรดาประเภทแผนที่ตามลำดับความน่าเชื่อถือในเวทีระหว่างประเทศ

ทำไมแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน จึงไม่เหมาะใช้กำหนดเขตแดน

แม้จะมีคำว่า “แผนที่” และมีเส้นแบ่งชัดเจนบนกระดาษ แต่ แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน (1:200,000) กลับไม่ใช่แผนที่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการปักเขตแดนอย่างแม่นยำ มาตราส่วนนี้เหมาะกับการมองภาพรวมระดับภูมิภาค ไม่ใช่รายละเอียดของสันเขา ลำห้วย หรือแนวธรรมชาติที่ใช้แบ่งเขตแดนตามหลัก “สันปันน้ำ” (watershed principle)

ฝ่ายไทยยืนยันใช้แผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ซึ่งให้รายละเอียดเพียงพอและสอดคล้องกับข้อตกลงในอนุสัญญา 1907 ที่กำหนดชัดว่าให้ยึดหลักสันปันน้ำในการปักเขตแดน ไม่ได้กำหนดให้ยึดตามแผนที่ใดโดยเฉพาะ

ความเงียบที่กลายเป็นหลักฐาน “กับดักทางกฎหมาย”

ศาลโลกในปี 1962 ใช้เหตุผลสำคัญว่า ฝ่ายไทยไม่ได้คัดค้านแผนที่ 1:200,000 หลังจากได้รับ ซึ่งเป็นการนิ่งเฉยที่ตีความว่า “ยอมรับโดยพฤตินัย” แต่ความเงียบนั้นอาจไม่ได้เกิดจากความยินยอมจริง หากแต่เกิดจากสถานการณ์ในเวลานั้นที่ไทยไม่มีอำนาจต่อรอง และไม่อยู่ในฐานะจะโต้แย้งฝรั่งเศสได้โดยตรง

ในทางกลับกัน นี่อาจตีความได้ว่า Annex I Map ถูกแนบเข้ามา “โดยสยามไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธใด ๆ” และนั่นคือจุดที่ทำให้สถานะของแผนที่นี้ควรถูกตั้งคำถามอย่างจริงจัง

สรุป แผนที่ของใคร? หลักฐานของใคร?

“แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน” อาจเป็นเอกสารสำคัญในข้อพิพาท ไทย–กัมพูชา แต่ไม่อาจถือเป็นหลักฐานร่วมที่มีสถานะทางกฎหมายอย่างแท้จริง ถ้าเราพิจารณาจากแหล่งกำเนิดของมัน ข้อมูลของฝรั่งเศสเอง และคำวินิจฉัยก่อนหน้าของศาล ที่แม้จะให้น้ำหนักกับพฤติกรรมของไทยในภายหลัง แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ไทยเคยยินยอมต่อแผนที่ Annex I อย่างเป็นทางการ

ในยุคที่การยอมรับสิทธิในดินแดนต้องยึดจากหลักกฎหมายสากล ไม่ใช่เพียงเอกสารที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจัดทำ การชี้แจงว่า แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ไม่ได้แนบอยู่ในอนุสัญญา 1907 จึงเป็นภารกิจสำคัญของฝ่ายไทยในการทบทวนข้อเท็จจริงให้โลกรู้ว่า สิ่งที่ถูกใช้เป็นหลักฐาน อาจเป็นเพียง “สิ่งแนบที่ไม่มีใครได้สิทธิ์ปฏิเสธ”

ภาคผนวก: แหล่งข้อมูลที่ยืนยันว่า “แผนที่ Annex I” ไม่ได้แนบในอนุสัญญาไทย–ฝรั่งเศส ปี 1907
  • ชัดเจนว่าแผนที่ยังไม่เสร็จในช่องเวลาการลงนามปี 1907 และไม่ได้ถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมาธิการผสม
  • Annales de Géographie ปี 1908 – พิสูจน์ว่ามีการจัดทำปี 1908 โดยไม่มีการแนบในเอกสารอนุสัญญา
  • Written Observations ของไทย ชี้ว่าการรับรู้แผนที่นี้เกิดขึ้นหลังจากกระบวนการอนุสัญญา และไม่ได้รับรองแบบเป็นทางการ”
  1. ข้อมูลจาก Counter‑Memorial (ฝ่ายไทย ต่อ ICJ)
  • เอกสารของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ระบุไว้ชัดว่า “Annex I map” ในมาตราส่วน 1 : 200 000 ไม่ได้ปรากฏในอนุสัญญาที่ลงนามใน มีนาคม 1907 แต่พิมพ์ขึ้นใน ปี 1908 ที่กรุงปารีส
  • บันทึกการส่งแผนที่จากปารีสถึงแบงก์กอก:
    แผนที่ฉบับนี้ถูกจัดพิมพ์และส่งถึง RGS (Royal Geographical Society) วันที่ 7 กันยายน 1908
    🔗 http://mjp.univ-perp.fr/textes/fr1907.htm
  • มีข้อความว่า “no map… had been completed by Captain Kerler or Captain Oum by March 1907” และ “no map… was seen by the Mixed Commissions” ซึ่งชี้ว่าในเวลาที่ลงนามยังไม่มีแผนที่นั้นจริง
แหล่งอ้างอิง:
  1. บันทึกจาก Annales de Géographie ปี 1908
  • ในวารสาร Annales de Géographie (ปี 1908) ระบุว่าแผนที่ชุดนี้ จัดทำโดย Commission de délimitation des frontières ระหว่างอินโดจีนฝรั่งเศสกับสยาม ในมาตราส่วน 1 : 200 000
  • มีคำว่า “pas dans le commerce” แปลว่า “ไม่ได้จำหน่ายทั่วไป” และที่สำคัญคือ ไม่ได้เผยแพร่เป็นเอกสารสัญญา

แหล่งอ้างอิง:

  1. ข้อมูลเพิ่มเติมจาก ICJ (Written Observations)
  • เอกสาร Written Observations of Thailand (เพิ่มเติมหลัง 1962) กล่าวชัดว่า Annex I map เคยเข้าสู่กระบวนการทางศาล แต่ ไม่ใช่แผนที่ที่แนบในสัญญา และไทยไม่เคยรับรองหรือเห็นด้วยร่วม

แหล่งอ้างอิง:

Pararin Publishing ตั้งใจเขียนทุกบทความให้คุณได้อ่านแบบไม่มีโฆษณากวนใจ

เพราะเราอยากให้คุณได้อ่านบทความดี ๆ อย่างเต็มที่ ถ้าคุณรู้สึกว่าเนื้อหาของเรามีคุณค่า

สนับสนุนเราได้ด้วยการซื้ออีบุ๊ค หรือร่วมสมทบตามใจคุณ

เพราะทุกการสนับสนุนของคุณ คือพลังที่ทำให้เราสร้างเนื้อหาดี ๆ ได้ตลอดไป