คุณเคยอ่านนิยายแล้วรู้สึกว่า “นี่มันหลอนชะมัด ทั้งที่ไม่มีฉากผีเลย” ไหม? นั่นแหละคือหัวใจของการเขียนนิยายแนวหลอนและระทึกใจที่ดี มันไม่ใช่เรื่องของเสียงปึงปัง ไฟดับ หรือประตูเปิดเอง แต่มันคือการกดอารมณ์คนอ่านให้ค่อย ๆ จมลงไปในความไม่แน่ใจ ความระแวง และความรู้สึกว่า “อะไรกำลังจะเกิดขึ้น” มากกว่าคำว่า “เกิดไปแล้ว” นิยายประเภทนี้ทำงานคล้าย ๆ กับฝันร้ายที่คุณไม่รู้ว่าตื่นเมื่อไร ทุกอย่างดูจริงเกินไป ช้าเกินไป และไม่มีอะไรให้ยึดมั่นได้เลย คุณรู้ว่าตัวละครมีบางอย่างผิดปกติ แต่คุณก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร รู้แค่ว่ามันผิด และยิ่งอ่านต่อก็ยิ่งรู้สึกว่าใจมันเริ่มจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ปัญหาคือหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการเขียนนิยายแนวนี้ต้องเต็มไปด้วยความรุนแรง ซากศพ หรือความโรคจิต ซึ่งไม่จริงเลย บรรยากาศที่หลอนจริง ๆ มักจะมาในรูปของสิ่งที่คุ้นเคย เช่น บ้านหลังเดิม เสียงของคนที่เรารู้จัก หรือความทรงจำที่เหมือนจะเคยเกิดขึ้นแต่ดันจำไม่ได้ว่าเมื่อไร นิยายแบบนี้ไม่มีอะไรให้คุณจับได้เลยว่ากำลังจะเจอกับอะไร และนั่นคือสิ่งที่หลอนยิ่งกว่าผีทั้งคอก เพราะมันคือความรู้สึกที่สมองเริ่มไม่แน่ใจว่าความจริงอยู่ตรงไหนกันแน่
หนึ่งในเทคนิคที่คนเขียนนิยายหลอนมักใช้กัน คือ “ทำให้ผู้อ่านรู้มากกว่าตัวละคร” หรือบางครั้งกลับกัน “ทำให้ผู้อ่านรู้น้อยกว่าตัวละคร” เพื่อสร้างความไม่มั่นคงในอารมณ์ ลองนึกภาพว่าคุณรู้ว่ามีคนกำลังซ่อนตัวอยู่หลังประตู แต่ตัวละครในนิยายไม่รู้ แล้วเขาก็กำลังจะเปิดประตู นั่นคือความรู้สึกที่หัวใจจะเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ หรือในทางกลับกัน ถ้าตัวละครดูเหมือนรู้บางอย่างแต่ไม่บอกผู้อ่านตรง ๆ และยังดำเนินชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้อ่านก็จะเริ่มระแวงแทน ว่าอะไรกำลังซ่อนอยู่ใต้ความเงียบเหล่านั้น ทั้งหมดนี้คือจังหวะที่คนเขียนต้องคุมให้แม่น เหมือนกับการคุมแสงในห้องที่ต้องไม่มืดเกินไป ไม่สว่างเกินไป แต่ต้องมัวพอให้รู้สึกว่า “มีอะไรอยู่ในมุมอับนั่นหรือเปล่า”
สิ่งที่คนเขียนนิยายมักมองข้าม คือ “รายละเอียดเล็ก ๆ” ที่บ่งบอกว่าความผิดปกติกำลังเกิดขึ้น เช่น กลิ่นที่เปลี่ยนไป เสียงที่หายไป หรือสิ่งของที่อยู่ผิดที่แค่ครั้งเดียว ถ้าคุณเขียนให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างมีจังหวะ และไม่อธิบายมันให้หมดในทันที ผู้อ่านจะเริ่มสะสมความระแวงในใจ และนั่นคือเชื้อเพลิงของความหลอนในนิยายที่ดีที่สุด ยิ่งไม่รู้ ยิ่งไม่แน่ใจ ยิ่งรู้สึกว่า “ต้องมีอะไรอีกแน่ ๆ” คนอ่านจะไม่ยอมวางหนังสือคุณแน่นอน
ความกลัวที่ดีที่สุดไม่ใช่ความกลัวที่ระเบิดออกมาเป็นเสียงกรี๊ดหรือฉากฆาตกรรมเลือดสาด แต่มันคือความกลัวที่ค่อย ๆ ขึ้นมาจากท้อง รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ข้างหลัง แต่หันไปก็ไม่เจอใคร นิยายแบบนี้ต่างหากที่คนอ่านจะ “อิน” จริง เพราะมันเลียนแบบความรู้สึกจริงในชีวิต ไม่ว่าจะเคยเจอคนที่เรารู้ว่าโกหกแต่ไม่มีหลักฐาน หรือเคยอยู่ในที่ที่ไม่ควรมีเสียงแต่ดันมีเสียง ทุกอย่างในนั้นกลายเป็นตัวกระตุ้นให้คนอ่านย้อนกลับไปกลัวของตัวเอง และนิยายคุณก็จะยิ่งกินใจขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องเล่นใหญ่หรือเขียนแบบโอเวอร์แอ็กต์ใด ๆ ทั้งสิ้น