คนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดว่า “ความหลอน” ใน นิยาย คือเสียงโหยหวน ฉากโผล่ หรือภาพติดตาแบบหนังสยองขวัญ แต่ในโลกของตัวหนังสือ มันไม่มีอะไรโผล่มาหาคุณได้แบบทันที สิ่งที่คุณต้องสร้างคือ “บรรยากาศ” ที่กดหัวใจคนอ่านให้อยู่ในจุดที่พวกเขาหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะแค่คำธรรมดา ๆ ถ้าใส่ไว้ในจังหวะที่ถูก มันจะกลายเป็นคำที่น่ากลัวอย่างไม่มีเหตุผล และคนอ่านจะจำมันไปตลอดทั้งเรื่อง
การเขียน นิยาย ที่ทำให้คนอ่านรู้สึกหลอนโดยไม่ต้องใช้ผีหรือเสียงแหลม ๆ คือทักษะที่ต้องซ้อม มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณเขียนเก่งแค่ไหน แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณ “กล้าปล่อยให้ฉากบางฉากไม่มีคำอธิบาย” หรือเปล่า เพราะความหลอนในนิยายไม่ได้มาจากสิ่งที่คุณใส่เข้าไป แต่มาจากสิ่งที่คุณ “เว้นไว้ให้คนอ่านคิดเอาเอง” ต่างหาก
ลองนึกถึงประโยคนี้ “เธอกลับมาถึงห้อง แล้วพบว่ารองเท้าที่วางไว้ขยับไปทางขวา 5 เซนติเมตร” มันไม่ใช่ประโยคหวือหวา ไม่มีคำว่าผี ไม่มีคำว่าน่ากลัว แต่มันเปิดช่องให้คนอ่านคิดว่า…แล้วใครขยับ? เกิดอะไรขึ้น? คนอ่านจะรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ควรเกิด และนั่นแหละคือความหลอนที่แท้จริงในนิยาย
นิยาย ที่ดีไม่ต้องอธิบายทุกอย่าง ถ้าคุณให้ข้อมูลหมด คนอ่านจะกลายเป็นคนดูสารคดี ไม่ใช่คนร่วมเดินทางกับตัวละคร ความหลอนที่แท้จริงเกิดจากการ “ดึงความรู้สึกเดาไม่ได้” ให้มารั้งใจคนอ่านไว้ แล้วปล่อยมันสะกิดไปเรื่อย ๆ ด้วยคำธรรมดา ๆ ที่ดูไม่มีพิษสง แต่พอวางผิดที่เมื่อไหร่ มันทำให้สมองคนอ่านกระตุกทันที
คนเขียนนิยายหลายคนมักไปหลงกับเทคนิคการบรรยายภาพสวย ฉากใหญ่ หรือเนื้อหาซับซ้อน แต่ลืมไปว่า “ความสงสัย” คือกาวตัวแรกที่ทำให้คนอ่านยังอยู่ต่อไปในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความสงสัยว่าตัวละครกำลังปิดบังอะไร หรือเหตุการณ์นี้มันมีอะไรแปลก ๆ ที่ยังไม่ถูกเฉลย ความรู้สึกเหล่านี้จะทำให้คนอ่าน “ติด” นิยายของคุณมากกว่าการโยนอะไรตูมตามใส่พวกเขาตั้งแต่ต้นเรื่อง
ถ้าคุณกำลังเขียนนิยายแนวหลอน ระทึก หรือแม้แต่นิยายสืบสวน อย่ารีบบอกคนอ่านว่ามีอะไรเกิดขึ้นในตอนนั้นเลย ให้พวกเขารู้แค่ว่ามีอะไร “ผิด” แล้วปล่อยให้เขาสงสัยต่อไปอีกหน่อย จงใช้ความเงียบ ความลังเล ความไม่แน่ใจของตัวละครมาเป็นเงื่อนไขสร้างแรงดึงดูด เพราะการ “ไม่พูดอะไรเลย” บางครั้งแรงกว่า “พูดทุกอย่างออกมา” ด้วยซ้ำ
การสร้างความตื่นเต้นในนิยายไม่จำเป็นต้องบู๊ทุกหน้า หรือมีเสียงโวยวายทุกตอน แต่ให้คุณลองเขียนฉากที่ดูปกติที่สุดให้แปลกที่สุด เช่น ห้องที่เคยสว่างมาตลอดแต่วันนี้เปิดไฟไม่ติด โทรศัพท์ที่มีสายเข้าแต่ไม่มีเบอร์โชว์ น้ำที่หยุดไหลในห้องน้ำตอนตี 3 โดยไม่มีใครอยู่บ้าน…มันคือรายละเอียดเล็ก ๆ แบบนี้แหละที่ทำให้คนอ่านเริ่มหายใจลึกขึ้น
อย่ากลัวที่จะทำให้นิยายของคุณเดินช้า เพราะจังหวะที่คนอ่านเงียบ คือจังหวะที่เขาตื่นตัวมากที่สุด ลองนึกถึงหนังที่ทั้งโรงไม่กล้าหายใจ เพราะฉากหนึ่งมันเงียบกริบและเราไม่รู้ว่าอะไรจะตามมา แล้วเอาความรู้สึกนั้นมาใส่ในบทสนทนา บทบรรยาย หรือแม้แต่คำว่า “…” ในตำแหน่งที่พอดี
สุดท้าย…ถ้าคุณอยากให้คนอ่านจำฉากในนิยายคุณได้แบบไม่มีวันลืม คุณไม่ต้องใส่เลือด ไม่ต้องใส่ผี ไม่ต้องใส่เสียงกรีดร้องเลยด้วยซ้ำ คุณแค่ต้องเขียนให้ผู้อ่านรู้สึกว่า “ตอนนี้เขาอยู่ในฉากนั้นจริง ๆ” ถ้าเขาหยุดอ่าน เขาจะกลัวว่ากลับมาอีกที ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปโดยไม่มีทางอธิบาย
และนั่นแหละ…คือนิยายที่มีชีวิต