เวลาพ่อแม่พูดคำว่า “อยากให้ลูกเป็นวิศวกร AI” หลายคนมองไปไกลถึงคอร์สต่างประเทศ หรือค่ายเรียนราคาเหยียบหมื่น ทั้งที่จริง ๆ แล้ว จุดเริ่มมันเล็กกว่านั้นเยอะมาก และมันเริ่มได้จากโต๊ะทำการบ้านที่บ้าน
ขอแค่เราสร้าง “พื้นที่” ให้ลูกได้ตั้งคำถามเองบ้าง ลองผิดเองบ้าง แล้วเราค่อยอยู่ข้าง ๆ เพราะเส้นทางสู่การ สร้าง AI ไม่ได้เริ่มจากคำสั่ง แต่เริ่มจาก “นิสัยที่ไม่หยุดสงสัย”
อย่าเร่งให้ลูกเข้าใจ AI แต่ให้เขารู้ก่อนว่า “AI คืออะไรในชีวิตจริง” เด็กจะไม่อินกับคำว่า AI ถ้าเขารู้สึกว่ามันคือเรื่องของ “คนอื่น” เราต้องทำให้เขาเห็นว่า AI อยู่ในบ้านทุกวัน จาก YouTube ที่แนะนำวิดีโอ, Google ที่เดาคำที่เราจะพิมพ์ หรือแม้แต่เสียง “OK Google” ที่สั่งให้เปิดเพลง
เรียนรู้ AI จึงไม่ได้หมายถึงนั่งเรียนโมเดลหรือตาราง flowchart แต่มันคือการชี้ให้เห็นว่า AI แอบอยู่ในชีวิตเขาแล้ว แล้วถามกลับไปว่า “ลูกคิดว่า AI คิดเองได้รึเปล่า?” คำถามแบบนี้ คือการเริ่มต้นที่ดีกว่าการเปิดสไลด์
หลายคนคิดว่าเด็กที่อยากจะเป็นสายนี้ ต้องเก่ง Python ต้องเขียนโปรแกรมคล่อง ต้องรู้จัก library เยอะ ๆ ซึ่งจริง — แต่ไม่ทั้งหมด
เพราะตอนที่โค้ดไม่รัน, โมเดลไม่แม่น, ข้อมูลหาย — สิ่งที่เด็กต้องมีกลับไม่ใช่ความรู้เพิ่ม แต่คือความอดทน เราควรฝึกสิ่งนี้ตั้งแต่ยังเล็ก เช่น เวลาลูกเล่น Scratch แล้วเจอบั๊ก อย่าเพิ่งบอกคำตอบ ให้ถามกลับว่า “คิดว่าตรงไหนที่มันทำงานไม่เหมือนที่ตั้งใจ?”
ถ้าลูกชอบวาด ชอบเล่นดนตรี หรือชอบฟังเรื่องลึกลับ… เขาก็เป็นวิศวกร AI ได้เหมือนกัน เราไม่ควรปิดโอกาสของเด็กแค่เพราะเขาไม่ได้ “เก่งคณิต” ตั้งแต่ ป.2 เพราะคนที่ทำงานด้าน AI จริง ๆ ไม่ได้มีแค่คนเขียนโค้ด มีทั้งสายสร้าง data, สายออกแบบ UI, สายวิเคราะห์, สายสื่อสารกับโมเดล, และสายทดลองที่คิดเหมือนนักวิทยาศาสตร์
แต่มันแปลว่า “สนใจข้อมูล” และ “เข้าใจว่าข้อมูลช่วยตัดสินใจอะไรได้บ้าง” ซึ่งทุกคนเรียนรู้ได้ โดยเฉพาะคนที่มีนิสัยช่างสังเกตและชอบตั้งคำถาม
Python ไม่ใช่ของยาก ถ้าเริ่มจากตัวอย่างที่เขาใช้จริง การ “สอนลูกด้วยตัวเอง” ให้เขียน Python ไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก print(“Hello World”) เสมอไป แต่ให้เริ่มจากสิ่งที่ลูกใช้ในชีวิต เช่น
การ เริ่มต้นเขียนโปรแกรมอย่าง่าย คือต้องไม่พยายามให้เด็กเข้าใจภาษา แต่ให้เขารู้สึกว่า Python คือ “เครื่องมือทำสิ่งที่เขาอยากทำ” แล้วทุกอย่างจะตามมาเอง
เด็กบางคนอาจเคยพูดว่า “ทำไม YouTube ชอบเดาคลิปที่เราอยากดูได้” อย่าเพิ่งตอบแบบขอไปที แต่ควรหยิบคำถามนั้นมาต่อยอดทันที เช่น ลองสอนเขาเรื่องระบบแนะนำแบบง่าย ๆ (เช่น ถ้าเราชอบดูแมว → ระบบจะเสนอแมว) ให้เขาเดา logic ของระบบว่า “มันเก็บข้อมูลอะไรบ้าง” หรือ “ทำไมมันไม่แนะนำคลิปที่เราชอบทุกครั้ง”
ทั้งหมดนี้คือการ “เรียนรู้ AI” โดยไม่ต้องใช้ศัพท์วิชาการเลย และมันอาจเป็น “จุดเริ่มต้นของงานวิจัยในอนาคต” โดยที่ลูกยังไม่รู้ตัว เส้นทางสู่วิศวกร AI อาจจะยาว แต่ทุกย่างก้าวคือโอกาสที่เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องซื้อคอร์สแพง ไม่ต้องย้ายโรงเรียน ไม่ต้องเข้าแล็บอะไรทั้งนั้น ขอแค่เรายอมรับว่า เด็กเรียนรู้ได้จากบ้าน จากการเล่น จากการตั้งคำถาม และจากพ่อแม่ที่ไม่เร่งสรุปทุกอย่างให้เร็วเกินไป
แต่พวกเขาคือคนที่พร้อม “เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ” แบบไม่มีอีโก้ และคนแบบนั้น สร้างได้จากบ้านทุกหลัง ถ้ามีใครสักคนเริ่มเปิดพื้นที่ให้เขาได้ลองผิด… แล้วลูกของเราล่ะ