fbpx
โลโก้ Pararin Publishing – สำนักพิมพ์ที่สร้างสรรค์หนังสือให้กำลังใจและพัฒนาตัวเอง จากการเรียนรู้สิ่งที่เคยพลาด

Pararin Publishing ตั้งใจเขียนทุกบทความให้คุณได้อ่านแบบไม่มีโฆษณากวนใจ

เพราะเราอยากให้คุณได้อ่านบทความดี ๆ อย่างเต็มที่ ถ้าคุณรู้สึกว่าเนื้อหาของเรามีคุณค่า

สนับสนุนเราได้ด้วยการซื้ออีบุ๊ค หรือร่วมสมทบตามใจคุณ

เพราะทุกการสนับสนุนของคุณ คือพลังที่ทำให้เราสร้างเนื้อหาดี ๆ ได้ตลอดไป

ถ้าคุณกำลังเขียนนิยายแนวหลอน ตื่นเต้น หรือแม้แต่นิยายที่ไม่ต้องมีผีแต่ยังทำให้คนอ่านรู้สึกไม่สบายใจ คุณจะรู้ว่าสิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่การหาฉากน่ากลัว ไม่ใช่การสร้างปริศนาให้ซับซ้อน แต่คือการดึงเอาความกลัวที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่แล้วในใจออกมา แล้วใส่ลงไปในเรื่องให้มันเหมือนจริงจนคนอ่านรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวละครหนึ่งในนั้น

สิ่งที่น่ากลัวในนิยายจริง ๆ ไม่ใช่ “ผี” แต่คือการตื่นมาแล้วพบว่าคุณจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนคุณทำอะไรไว้บ้าง หรือการเดินผ่านห้องว่างที่รู้ว่ามันไม่มีคนอยู่ แต่รู้สึกได้ว่า “มีอะไรบางอย่างมองคุณอยู่” หรือหนักกว่านั้นคือการที่คนที่คุณไว้ใจที่สุดกลับกลายเป็นคนที่ทำให้คุณต้องหนีเอาตัวรอด นั่นแหละคือจุดที่ความกลัวเริ่มทำงานโดยไม่ต้องใช้คำว่า “หลอน” เลยสักคำ

นิยายที่สร้างบรรยากาศกลัวแบบซึมลึกไม่ใช่นิยายที่มีแต่ความมืดหรือเสียงแปลก ๆ แต่คือนิยายที่เปลี่ยนสถานการณ์ธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งที่ “ผิดจังหวะ” พอผิดนิดเดียว สมองคนอ่านจะเริ่มประมวลผลทันทีว่านี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ และพอเขาเริ่มคิดแทนตัวละคร เขาก็จะเริ่มรู้สึกเหมือนอยู่ในฉากนั้นจริง ๆ โดยไม่รู้ตัว

นิยายที่ดีจะไม่บอกคุณทุกอย่างตรง ๆ เพราะความกลัวไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เห็นชัด แต่มันอยู่ในสิ่งที่คุณเดาไม่ออก หรือเข้าใจมันแต่ไม่อยากยอมรับว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นจริง คนที่กลัวว่าแฟนจะนอกใจ กลัวว่าลูกจะหลงผิด หรือกลัวว่าเพื่อนสนิทกำลังทำอะไรลับหลังเรา ความกลัวเหล่านี้ไม่มีใครเรียกว่าผีได้ แต่มันคือตัวขับเคลื่อนให้คนอ่านอยากรู้ต่อ และยิ่งเขารู้สึกว่าตัวละครคิดแบบเดียวกับเขา เขาก็จะยิ่งไม่ยอมวางนิยายเล่มนี้เด็ดขาด

สร้างจังหวะของคำ เพื่อให้คนอ่านรู้สึกถึงลมหายใจที่ขาดห้วง

หลายคนที่เขียนนิยายหลอนจะพยายามใส่คำบรรยายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังว่ามันจะสร้างภาพให้คนอ่านเห็น แต่จริง ๆ แล้ว ความน่ากลัวมักเกิดขึ้นตอนที่คำมันขาดหายไปต่างหาก การ “เว้นจังหวะ” ในประโยค การทำให้บทสนทนาหยุดค้างไว้ หรือการปล่อยให้มีช่วงที่ไม่มีใครพูดอะไรเลยในบท มันคือเทคนิคที่ทำให้สมองของคนอ่านเริ่มเติมสิ่งที่น่ากลัวเข้าไปเองโดยที่คุณไม่ต้องเขียนลงไปเลยด้วยซ้ำ

ลองนึกถึงฉากที่ตัวละครเดินผ่านทางเดินมืดในบ้าน แล้วอยู่ ๆ ก็มีเสียงบางอย่างตกลงมา ไม่มีอะไรตามมา ไม่มีคำอธิบาย แต่คนอ่านจะเกร็งทันที ไม่ใช่เพราะเสียงนั้นน่ากลัว แต่เพราะ “ไม่มีใครพูดถึงมันต่อ” คนอ่านจะจินตนาการว่าเสียงนั้นคืออะไร และเมื่อเขาเริ่มเติมคำเอง นั่นแหละคือการมีส่วนร่วมกับนิยายที่ลึกกว่าการเป็นผู้อ่านธรรมดา

การใช้คำธรรมดา เช่น “เขาหยุดเดิน” หรือ “เขาหันไปช้า ๆ” ถ้าวางไว้ถูกจังหวะ มันจะทรงพลังมากกว่าการบรรยายว่าสีหน้าเขาเป็นยังไง หรือมีอะไรอยู่ตรงหน้าเขาอีก เทคนิคแบบนี้ไม่ต้องใช้คำเยอะ แต่ต้องใช้ความรู้สึกจริง เพราะถ้าคุณเขียนจากความรู้สึกกลัวที่คุณเคยมีจริง ๆ คนอ่านจะสัมผัสมันได้แม้จะมีแค่ประโยคสั้น ๆ

คุณไม่จำเป็นต้องเขียนนิยายแบบคนอื่น ไม่ต้องสร้างปมเยอะ ไม่ต้องเอาใจนักวิจารณ์ และไม่ต้องยัดแอ็กชันทุกตอนเพื่อให้มันน่าติดตาม คุณแค่ต้อง “เขียนให้มันรู้สึก” เหมือนตัวละครนั้นมีชีวิตจริง และทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาอาจเกิดขึ้นกับผู้อ่านได้ในวันหนึ่ง ถ้าคุณทำได้ คนอ่านจะไม่กล้าหยุดอ่านแม้แต่หน้าเดียว

และนั่นแหละ…คือพลังของนิยาย ที่หลอน โดยไม่ต้องพยายามให้มันหลอนเลยด้วยซ้ำ

Pararin Publishing ตั้งใจเขียนทุกบทความให้คุณได้อ่านแบบไม่มีโฆษณากวนใจ

เพราะเราอยากให้คุณได้อ่านบทความดี ๆ อย่างเต็มที่ ถ้าคุณรู้สึกว่าเนื้อหาของเรามีคุณค่า

สนับสนุนเราได้ด้วยการซื้ออีบุ๊ค หรือร่วมสมทบตามใจคุณ

เพราะทุกการสนับสนุนของคุณ คือพลังที่ทำให้เราสร้างเนื้อหาดี ๆ ได้ตลอดไป