คุณอาจจะเขียนนิยายมาแล้วหลายตอน แต่มันกลับไม่มีแรงส่ง ไม่มีอารมณ์ร่วม ไม่มีโมเมนต์ที่คนอ่านอยากรู้ว่า “ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น” ทั้งที่คุณก็คิดว่าพลอตน่าสนใจ ตัวละครก็น่าจะมีเสน่ห์ แต่พอปล่อยลงเว็บ…เงียบ
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คุณไม่มีไอเดีย แต่อยู่ที่คุณอาจยังไม่เข้าใจว่า “ความตื่นเต้นในนิยายมันเกิดจากอะไร” เพราะนิยายที่ทำให้คนอ่านรู้สึกตามได้ มันไม่ได้เกิดจากฉากใหญ่ หรือการใช้คำบรรยายเท่ ๆ แต่มันเกิดจาก “สถานการณ์ที่คนอ่านอยากรู้ว่าจะไปจบตรงไหน” ไม่ว่าฉากนั้นจะเล็กแค่ไหนก็ตาม
ถ้าคุณเริ่มต้นนิยายด้วยความเรียบร้อย เช่น พระเอกนั่งจิบกาแฟ คิดถึงงานเมื่อวาน แล้วค่อย ๆ ไปทำงานตามปกติ คนอ่านจะรู้สึกว่านี่คือชีวิตที่ไม่มีอะไรจะเกิดขึ้น และจะปิดตอนนั้นทันที แต่ถ้าคุณเริ่มด้วยคำพูดที่ไม่ควรอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น “เมื่อคืนฉันเห็นคนตายตรงหน้าต่างห้องตัวเอง” หรือ “แม่บอกว่าห้ามกลับบ้านหลังหกโมง แต่ฉันกลับมาช้ากว่านั้น” คนอ่านจะเริ่มตั้งคำถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
การเปิดนิยายด้วยปริศนา ไม่ใช่เพื่อโชว์ความลึกลับ แต่เพื่อสร้างแรงดึงดูดที่ทำให้คนอ่านยังไม่ไปไหน
นิยายที่ดีไม่ใช่นิยายที่มีแต่เรื่องให้ตกใจ แต่คือนิยายที่รู้ว่าจังหวะไหนควรเงียบ จังหวะไหนควรคุย จังหวะไหนควรสงสัย ตัวอย่างเช่น ถ้าตัวละครได้ยินเสียงแปลกในบ้านตอนกลางคืน คุณไม่จำเป็นต้องเขียนว่า “เสียงดังมาจากห้องครัว ตัวละครกลัวมาก รีบเดินไปเปิดดู” แต่ให้เขา “หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าห้อง เหงื่อเริ่มซึมมือ เขาไม่แน่ใจว่าได้ยินจริงหรือคิดไปเอง” จังหวะเงียบนี้แหละที่จะทำให้คนอ่านรู้สึกว่ากำลังเกิดอะไรบางอย่าง ทั้งที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
ตัวละครในนิยายควรมีความกลัวที่จับต้องได้ ไม่ใช่แค่กลัวผีหรือกลัวตาย แต่กลัวสิ่งที่เราเองก็เข้าใจ เช่น กลัวความจริงที่ถูกปิดบัง กลัวความรู้สึกผิด กลัวการสูญเสีย กลัวว่าจะไม่มีใครเชื่อ ถ้าคุณใส่ความกลัวเหล่านี้เข้าไปในนิยาย มันจะทำให้เรื่องมีพลังทางอารมณ์มากกว่าการแค่บอกว่าตัวละครกลัวผี
ตัวอย่างที่ดี เช่น “เขาไม่กล้าพูดว่าเห็นอะไรในป่า เพราะกลัวเพื่อนจะคิดว่าเขาบ้า” ประโยคนี้ดีกว่า “เขากลัวมากหลังจากเห็นเงาดำ” หลายเท่า เพราะมันพาคนอ่านไปไกลกว่าภาพที่เห็น มันแตะใจ
หลายคนเขียนนิยายแล้วพยายาม “ไม่ให้มันน่ากลัวเกินไป” เพราะกลัวคนอ่านรับไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้ว คนอ่านที่เลือกอ่านนิยายแนวระทึกขวัญ สยองขวัญ หรือสืบสวน เขาไม่ได้อยากปลอดภัย เขาอยากลอง “รู้สึกบางอย่างที่ชีวิตจริงไม่มี” เขาอยากกลัวในแบบที่ควบคุมได้ อยากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครช่วยเขา แล้วดูว่าเขาจะเอาตัวรอดจากเรื่องที่คุณเขียนได้หรือเปล่า
ดังนั้นอย่าทำให้นิยายของคุณกลายเป็นสนามเด็กเล่นที่ทุกคนรอดชีวิตเสมอ หรือไม่มีอะไรเสี่ยงเลย เพราะมันจะทำให้เรื่องไม่มีแรงกระตุ้นใด ๆ
ไม่ว่าจะเขียนแนวไหน ถ้าคุณเข้าใจว่านิยายต้องมีจังหวะ “ปล่อยข้อมูลบางส่วน → พาคนอ่านไปเข้าใจผิด → เฉลยแบบที่พลิกความคาดหวัง” แล้วคุณใส่สิ่งนี้ไปในทุกตอน คนอ่านจะติดนิยายของคุณเหมือนดูซีรีส์ที่กดดูตอนต่อไปทันทีที่จบตอนก่อน
นิยายไม่จำเป็นต้องมีผี ไม่จำเป็นต้องมีฆาตกร หรือมีฉากวิ่งหนีเลือดสาดก็ได้ แต่ต้องมี “ความรู้สึกบางอย่างที่ติดหัวคนอ่านหลังอ่านจบ” นั่นคือความกลัว ความสงสัย หรือแม้แต่ความเศร้าแบบที่อธิบายไม่ถูก
และทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าคนเขียนไม่รู้จักกลัว ไม่รู้จักกังวล และไม่ยอมลองรู้สึกกับฉากที่ตัวเองเขียน