ถ้าคุณเป็นนักเขียนที่เคยพยายามจะสร้างฉากหลอนให้น่ากลัว น่าติดตาม แต่สุดท้ายผู้อ่านกลับรู้สึกเหมือนดูรายการลี้ลับเบา ๆ วันศุกร์ตอนสี่ทุ่มครึ่ง… คุณไม่ได้ล้มเหลวหรอก แต่แค่ยังเข้าไม่ถึง “เครื่องมือ” ที่จะดึงผู้อ่านเข้าไปในโลกที่คุณกำลังปั้น
ความหลอนในนิยายไม่ใช่แค่เรื่องผี ไม่ใช่แค่เสียงกรอบแกรบ หรือประตูที่เปิดเองโดยไม่แจ้งล่วงหน้า แต่มันคือ “พื้นที่ในใจผู้อ่าน” ที่คุณต้องบุกเข้าไปเปิดไฟ แล้วกระซิบว่า “นี่แค่เริ่มต้น”
นักเขียนหลายคนที่เริ่มต้นเขียนนิยายแนวหลอนหรือระทึกขวัญ มักจะนึกถึง “ฉาก” ก่อนเรื่อง เช่น ห้องปิดตาย โรงแรมร้าง ป่าเปลี่ยว หรือบ้านไร่กลางคืนฝนตก แต่สิ่งที่สำคัญกว่าสถานที่คือ “ประสบการณ์ของตัวละคร” ที่ผู้อ่านจะต้องสัมผัสไปด้วย หากนักเขียนสามารถทำให้ผู้อ่านลืมไปว่าเขากำลังอ่านหนังสือ แล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง นั่นแหละคือชัยชนะ
ความกลัวไม่จำเป็นต้องมาจากสิ่งเหนือธรรมชาติ ความกลัวที่แท้จริงในนิยายเกิดจากการที่นักเขียนใช้ “เวลา” และ “รายละเอียดเล็ก ๆ” อย่างชาญฉลาด คุณต้องรู้ว่าเมื่อไรควรเร่งจังหวะให้ใจเต้นแรง และเมื่อไรควรปล่อยให้ผู้อ่านจ้องคำว่า “ความเงียบ” แล้วกลืนน้ำลายไปพร้อมตัวละคร
หนึ่งในทักษะสำคัญที่นักเขียนต้องฝึกคือ “การชะลอเวลา” หรือเรียกอีกอย่างว่า “การค้างจังหวะ” เพราะการเล่าเรื่องแบบรวดเดียวจบจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนผ่านประตูผีโดยไม่ทันได้กลัวอะไรเลย นักเขียนจึงต้องรู้จักจังหวะการตัดเข้า-ออกของฉาก การใส่เสียง การหักมุม และการใช้มุมกล้องในจินตนาการ เพื่อทำให้แต่ละวินาทีในฉากสำคัญดูน่ากลัวกว่าความจริง
นอกจากนี้ เทคนิคการใช้ร่างกายของตัวละครก็สำคัญมาก นักเขียนต้องมองให้ลึกกว่าการบรรยายว่าหัวใจเต้นแรง หรือหายใจหอบ คำว่า “รู้สึกเหมือนลมหายใจมันขาดหายไปครึ่งวินาที” หรือ “มือข้างหนึ่งเหมือนถูกลืมไว้ที่ลูกบิดประตู” อาจสื่อสารได้ดีกว่าการใช้คำฟุ่มเฟือย
อีกประเด็นหนึ่งที่นักเขียนมักมองข้ามคือ “อารมณ์แปลกปลอม” ที่แทรกเข้ามาในฉาก เช่น ความรู้สึกผิด ความสงสัย หรือแม้แต่ความละอายใจ สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่อารมณ์หลักของความกลัว แต่กลับทำให้ผู้อ่านไม่สามารถแน่ใจได้ว่าตัวละครกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ “ความระแวง” ที่จะต่อยอดไปสู่ความระทึกได้ง่ายมาก
ความหลอนที่ยั่งยืนในนิยายไม่ได้เกิดจากผีโผล่ หรือเสียงกรี๊ดในห้องน้ำ แต่มาจากการที่นักเขียนค่อย ๆ ลากผู้อ่านเข้าไปในความไม่แน่ใจ กลัวแบบไม่มีเหตุผล และเริ่มตั้งคำถามกับความเป็นจริงรอบตัว เรื่องดี ๆ หลายเรื่องไม่จำเป็นต้องมีผี มีเลือด หรือมีศพ แต่อาจมีแค่ “จิตใจของคนธรรมดา” ที่ถูกผลักเข้าไปในสถานการณ์ไม่ปกติ แล้วแสดงตัวตนที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามี
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณเป็นนักเขียนที่กำลังพยายามสร้างบรรยากาศหลอน ความสำเร็จจะไม่มาจากการทำให้ผู้อ่านสะดุ้งเพียงครั้งเดียว แต่มาจากการทำให้เขายังคิดถึงฉากนั้น…แม้จะปิดหนังสือไปแล้วหลายวัน
และถ้าคุณเริ่มต้นได้จากตรงนี้ ทุกฉากที่คุณเขียนต่อไป อาจไม่ใช่แค่ฉากในนิยาย แต่มันคือประสบการณ์ที่ฝังอยู่ในใจคนอ่านแบบไม่รู้ตัว