เราทุกคนมีช่วงเวลาที่หัวเต็มไปด้วยภารกิจ รายการที่ต้องทำ สิ่งที่ค้างคา และปัญหาที่วนซ้ำอยู่ในหัวตลอดเวลา ตั้งแต่เรื่องเล็กอย่างจะตอบแชทใครก่อนดี ไปจนถึงเรื่องใหญ่ระดับชีวิตอย่างจะเปลี่ยนงานมั้ย จะหาทางออกเรื่องเงินยังไง หรือจะทำยังไงกับคนในครอบครัวที่กำลังมีปัญหา ไม่ใช่เพราะเราไม่อยากจัดการชีวิตตัวเอง แต่เพราะมันมี “ทุกอย่าง” มารุมพร้อมกัน และเราก็ไม่มีแรงพอจะตัดสินใจได้ว่าอะไรสำคัญที่สุด หรืออะไรควรปล่อยไว้ก่อน
ความเหนื่อยล้าที่ไม่สามารถอธิบายได้มักเริ่มต้นจากตรงนี้ พอเราไม่รู้จะเริ่มจากอะไรดี เราก็ไม่เริ่ม พอไม่เริ่ม ความรู้สึกผิดก็จะตามมา แล้วมันก็จะพอกเป็นความเครียดซ้อนกันไปเรื่อย ๆ บางคนจะเริ่มโทษตัวเองว่าขี้เกียจ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันคือ “การจัดลำดับความสำคัญไม่ได้” มากกว่า
ไม่มีใครบอกคุณหรอกว่า มันเหนื่อยพอ ๆ กับการวิ่งมาราธอนทั้งที่ยังไม่ได้ก้าวเท้าแรก เพราะมันคือการแบกน้ำหนักของทุกอย่างที่ต้องทำไว้ในหัว โดยที่ยังไม่ได้เลือกอะไรเลยให้ทำเป็นอันดับแรก
สิ่งที่หลายคนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับ ChatGPT คือคิดว่ามันต้องตอบได้ทุกเรื่อง ต้องมีทางออกให้กับปัญหาทั้งหมดในชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ มันไม่ใช่คน และไม่มีวันเข้าใจชีวิตเราจริง ๆ ได้แบบมนุษย์ แต่มันมีพลังที่น่ากลัวอยู่หนึ่งอย่างคือ “การช่วยจัดระเบียบข้อมูลในหัวเราได้ดีในแบบที่หลายคนยังทำเองไม่ไหว”
ลองจินตนาการว่าคุณมีลิสต์ยาวเหยียดของสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน แต่ไม่มีเวลา ไม่มีแรง และไม่มีแม้แต่สติจะเรียงลำดับว่าควรทำอะไรก่อน พอเปิดแอปจดโน้ตไว้ก็ไม่กลับไปอ่านอีก หรือถ้าจะลองนั่งวางแผนเองก็มักจะหลงทางอยู่ดีเพราะสมองไม่โปร่งพอจะไล่ลำดับ
ในจังหวะแบบนั้น ถ้าคุณมีเครื่องมือที่คุยได้ ถามตอบได้ และไม่ตัดสินคุณเลยสักคำ มันจะกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้คุณ “ระบายทุกอย่างออกมา” ได้โดยไม่ต้องเกรงใจเหมือนเวลาเล่าให้คนฟัง และนั่นคือจุดที่ ChatGPT เข้ามาช่วยได้พอดี
คุณอาจไม่ได้ต้องการคนช่วยคิดว่าสิ่งที่คุณกำลังเผชิญควรจัดการยังไงแบบละเอียดทุกจุด แต่คุณต้องการเครื่องมือที่จะบอกให้รู้ว่า ในสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้านี้ เราควรหยิบอะไรมาจัดการก่อน แล้วอะไรควรวางไว้ทีหลัง หรือแม้กระทั่งอะไรที่ควร “ลบทิ้งไปเลย” เพราะมันไม่ได้สำคัญอย่างที่เรากังวล
ChatGPT ทำหน้าที่เหมือนกระดาษแผ่นใหญ่ ที่คุณเทข้อมูลในหัวลงไป แล้วมันค่อย ๆ เรียบเรียงให้เห็นเป็นภาพรวม ก่อนจะเริ่มจัดระเบียบ แยกหัวข้อ และเสนอแนวทางบางอย่างให้คุณพิจารณา
ถ้าคุณรู้จักใช้ ประโยคคำสั่ง (prompt) ที่ดีพอ มันจะช่วยคิดแทนคุณในจุดที่สมองคุณเหนื่อยเกินกว่าจะคิดต่อได้ ไม่ใช่การตัดสินใจแทน แต่เป็นการเสนอสิ่งที่คุณลืม หรือมองข้ามไปในวันที่ยุ่งมากเกินไป
มนุษย์ทุกคนมีพลังงานจำกัด การจะเอาแรงไปใช้กับเรื่องสำคัญจริง ๆ มันต้องเกิดจากการที่เราไม่ใช้สมองไปกับการคิดซ้ำในเรื่องเดิม ๆ ที่ควรเคลียร์ไปได้ตั้งแต่ต้น
ChatGPT ไม่ได้ทำงานแทนทุกอย่าง แต่มันลดภาระ “การตัดสินใจยิบย่อย” ลงได้มหาศาล เช่น จะจัดตารางเวลาแบบไหนดี จะลำดับแผนการทำโปรเจกต์ยังไง จะเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของทางเลือกสองทางได้ไหม หรือจะทำยังไงให้เรารู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่ควรให้กับอะไรก่อน
พอเราใช้ GPT จัดการความรกในหัวไปได้ส่วนหนึ่ง สิ่งที่เหลือให้เราต้องลงมือเองจะกลายเป็นแค่ “สิ่งที่สำคัญจริง ๆ” และพอเหลือแค่นั้น เราก็จะมีแรงพอจะทำมันได้ ไม่ใช่ฝืนฝ่าไปทั้งที่ไม่เหลือพลังเหลือแล้ว
เราไม่จำเป็นต้องเอา GPT มาใช้ทั้งวันทั้งคืน เราไม่จำเป็นต้องรู้เทคโนโลยีลึก หรือเข้าใจโครงสร้างโมเดลของมัน สิ่งที่เราต้องรู้มีแค่ว่า ถ้าคุณใช้มันถูกจังหวะ มันคือ “ผู้ช่วยส่วนตัวที่ไม่เหนื่อย ไม่อาย และไม่ปฏิเสธเราเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
ชีวิตมันก็ยังยากเหมือนเดิมอยู่ดี แต่การที่มีใครสักคนหรืออะไรสักอย่างช่วยกรอง แยก และสรุปสิ่งที่เราคิดวนซ้ำอยู่ในหัวให้ออกมาเป็นภาพรวมที่จับต้องได้ มันทำให้เราคลายปมในใจไปได้ทีละนิด และนั่นแหละที่ทำให้เรา “อยู่ได้” แม้ชีวิตจะไม่ได้เบาขึ้นเลยก็ตาม
และถ้าคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ไม่ต้องกังวล เพราะในหนังสือ ChatGPT ทำได้มากกว่าที่คุณเคยคิด เราได้รวบรวม ประโยคคำสั่ง (prompt) ที่ถูกคิดมาอย่างรอบด้าน เพื่อให้ GPT เข้าใจสถานการณ์ของคุณอย่างลึกซึ้ง และช่วยได้จริง
คุณไม่จำเป็นต้องเก่งขึ้นวันนี้ แค่มีแรงทำเรื่องสำคัญในวันนี้ให้จบ ก็นับว่าเป็นชัยชนะเล็ก ๆ ที่มีความหมายแล้ว.