fbpx
โลโก้ Pararin Publishing – สำนักพิมพ์ที่สร้างสรรค์หนังสือให้กำลังใจและพัฒนาตัวเอง จากการเรียนรู้สิ่งที่เคยพลาด

Pararin Publishing ตั้งใจเขียนทุกบทความให้คุณได้อ่านแบบไม่มีโฆษณากวนใจ

เพราะเราอยากให้คุณได้อ่านบทความดี ๆ อย่างเต็มที่ ถ้าคุณรู้สึกว่าเนื้อหาของเรามีคุณค่า

สนับสนุนเราได้ด้วยการซื้ออีบุ๊ค หรือร่วมสมทบตามใจคุณ

เพราะทุกการสนับสนุนของคุณ คือพลังที่ทำให้เราสร้างเนื้อหาดี ๆ ได้ตลอดไป

การเสียดินแดนของไทย ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในตำราเรียน แต่มันคือบาดแผลที่ยังสดใหม่อยู่ในใจของใครหลายคน โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงกรณีเขาพระวิหารและพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาที่กลายเป็นจุดตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์มานานกว่าร้อยปี เส้นแบ่งที่เราเห็นในแผนที่ ไม่ได้ถูกวาดจากความเข้าใจร่วมกันของรัฐทั้งสองฝ่าย แต่คือเส้นที่ “ใครบางคน” จากอีกซีกโลกลากไว้ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองในยุคอาณานิคม

ฝรั่งเศสในฐานะเจ้าอาณานิคมวาดแผนที่ 1:200,000 ขึ้นเพื่อบริหารอินโดจีน ไม่ใช่เพื่อแบ่งเขตแดนอย่างเสมอภาค แผนที่นี้ไม่ได้เกิดจากข้อตกลงร่วมกับไทย และไม่ได้ผ่านการลงนามใด ๆ จากฝ่ายไทย ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ฝ่ายกัมพูชากลับยึดเอาแผนที่นี้เป็นหลักฐานว่าไทย “ยอมรับโดยพฤตินัย” เพราะไม่เคยประท้วงอย่างเป็นทางการในช่วงเวลานั้น

นี่คือจุดเริ่มต้นของ การเสียดินแดนของไทย ที่ไม่ได้เกิดจากการรบแพ้ หรือการยินยอมอย่างแท้จริง แต่เกิดจากการไม่มีโอกาสคัดค้าน และการอยู่ในสถานะที่อ่อนแอกว่าในยุคล่าอาณานิคม

เมื่อแผนที่กลายเป็นกับดักของเวลา

หลักการแบ่งเขตแดนสากลระบุว่า การใช้ “แนวสันปันน้ำ” คือวิธีที่ยุติธรรมที่สุด ประเทศไทยจึงใช้แผนที่ 1:50,000 ซึ่งแสดงแนวสันเขา ลำห้วย และจุดแบ่งธรรมชาติอย่างแม่นยำเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดน แต่ฝรั่งเศสกลับสร้างแผนที่ Annex I จากภาพรวมกว้าง ๆ และใช้เป็นเครื่องมือทางอำนาจในการกำหนดเส้นแบ่ง

ผลคือ ไทยถือแผนที่ที่สะท้อนความจริงทางภูมิศาสตร์ แต่กัมพูชาถือแผนที่ที่สะท้อนอำนาจทางการเมืองในอดีต และนั่นคือจุดชนวนที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจมานับศตวรรษ จนนำไปสู่ข้อพิพาทและข้อกล่าวหาเรื่อง การเสียดินแดนของไทย ที่คนจำนวนไม่น้อยยังไม่เข้าใจเบื้องหลังอย่างแท้จริง

ศาลระหว่างประเทศ กับคำตัดสินที่ย้อนแย้งความรู้สึก

ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินให้เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา โดยยึดแผนที่ Annex I เป็นหลักประกอบสำคัญ และให้เหตุผลว่าไทย “ไม่เคยคัดค้านอย่างเป็นทางการ” ตลอดช่วงเวลาหลายสิบปี นี่คือจุดที่คนไทยจำนวนมากรู้สึกว่า “ไม่เป็นธรรม” เพราะแผนที่ที่ใช้อ้างนั้น ไม่เคยผ่านการเห็นชอบร่วมกันเลยแม้แต่น้อย

แม้ศาลจะไม่พิจารณาเจตนาเบื้องหลัง แต่กลับให้ “ความเงียบ” กลายเป็น “น้ำหนักของการยอมรับ” และนั่นคือสิ่งที่ทำให้คนไทยมองว่าคำตัดสินนี้ คือการทำให้ การเสียดินแดนของไทย กลายเป็นเรื่องจริง ทั้งที่ความจริงยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยในเวทีระหว่างประเทศอย่างรอบด้าน

เส้นแบ่งที่ไม่มีใครได้เลือก

สิ่งที่น่าหดหู่คือ เส้นแบ่งในแผนที่เหล่านั้น ไม่เคยมีชาวบ้านในพื้นที่มีสิทธิเห็นหรือตรวจสอบ ไม่มีการปรึกษา หรือถามความคิดเห็นของประชาชนที่ต้องอาศัยอยู่กับผลของเส้นแบ่งนี้มาทั้งชีวิต เมื่อแผนที่ถูกวาดขึ้นในปารีส แต่ต้องถูกบังคับใช้ในป่าเขาชายแดนไทย – เขมร ผลลัพธ์คือความเจ็บปวดที่ไม่มีใครในพื้นที่ได้เลือกเลย

การเสียดินแดนของไทย จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการเสียพื้นที่ แต่คือการเสียสิทธิ์ในการ “มีเสียง” ตั้งแต่ต้น ไม่มีการลงนามร่วม ไม่มีการตรวจสอบหลักฐาน ไม่มีแม้แต่ความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับ “เส้นเขตแดน” และที่ร้ายกว่านั้น คือเส้นแบ่งที่ฝรั่งเศสสร้างไว้ ยังถูกส่งต่อเป็น “มรดกของปัญหา” มาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน โดยที่ไม่มีใครรับผิดชอบ

เมื่อการนิ่งเฉย กลายเป็นคำพิพากษา

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ทำให้ การเสียดินแดนของไทย กลายเป็นความจริงในสายตาของศาล ก็คือหลักการ “การนิ่งเท่ากับยินยอม” ในกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อไทยไม่ได้มีการประท้วงทันทีในเวลานั้น พฤติกรรมแบบ “ไม่พูด” จึงถูกตีความว่า “เห็นด้วย” ทั้งที่สถานการณ์ในยุคอาณานิคม ไม่ได้เปิดโอกาสให้ไทยพูดหรือแสดงจุดยืนอย่างเท่าเทียม

นี่คือกับดักของกฎหมาย ที่ตัดสินโดยไม่ย้อนดูบริบทของยุคสมัย และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ การเสียดินแดนของไทย ไม่สามารถถูกอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ในเวทีระหว่างประเทศ

การเสียดินแดนของไทยไม่ควรจบแค่บนกระดาษ

เมื่อเราเปิดแผนที่ Annex I แล้วเห็นว่าเขาพระวิหารอยู่ฝั่งกัมพูชา นั่นคือการเห็นผ่านเลนส์ของผู้ชนะในอดีต แต่เมื่อเรากลับมาดูแนวสันปันน้ำ ดูภูมิประเทศจริง และฟังเสียงของคนในพื้นที่ เราจะรู้ว่า การเสียดินแดนของไทย เกิดขึ้นจากความไม่เท่าเทียมที่ถูกออกแบบให้ “ดูเหมือนถูกต้อง” ทั้งที่ไม่มีใครได้เลือกมันเลยตั้งแต่ต้น

เส้นเขตแดนจึงไม่ควรเป็นแค่เส้นในแผนที่ แต่ควรเป็นเส้นที่เกิดจากความเข้าใจร่วมกันของทั้งสองประเทศ และถ้ายังไม่มีวันนั้น เส้นแบ่งใจของประชาชนไทย–กัมพูชาก็จะไม่มีวันจางหาย

Pararin Publishing ตั้งใจเขียนทุกบทความให้คุณได้อ่านแบบไม่มีโฆษณากวนใจ

เพราะเราอยากให้คุณได้อ่านบทความดี ๆ อย่างเต็มที่ ถ้าคุณรู้สึกว่าเนื้อหาของเรามีคุณค่า

สนับสนุนเราได้ด้วยการซื้ออีบุ๊ค หรือร่วมสมทบตามใจคุณ

เพราะทุกการสนับสนุนของคุณ คือพลังที่ทำให้เราสร้างเนื้อหาดี ๆ ได้ตลอดไป