จะทำอย่างไร? เมื่อลูกง่วงนอนตอนเรียนคณิตศาสตร์
P พ่อแม่หลายคนเจอปัญหาเมื่อพยายามอธิบายเนื้อหาคณิตศาสตร์ให้ลูกเข้าใจ เมื่อใดที่เขาเงียบ สักพักจะอ้าปากหาว แล้วเริ่มสัปหงก อาการแบบนี้พ่อแม่ส่วนใหญ่จะอารมณ์เสีย หรืออาจเกิดความรู้สึกที่ไม่พอใจ (นี่พ่อกำลังอธิบายนะ!) หากปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นกับคุณ อย่าดุลูกเป็นอันขาด! เพราะความไม่เข้าใจ ความน่าเบื่อนั่นเองที่ทำให้เด็กๆ ง่วงนอน โดยเฉพาะถ้าพวกเขาเรียนมาเหนื่อยทั้งวัน แต่จะต้องมานั่งทำการบ้านหลังอาหารเย็น
ถ้าคุณเผลอดุลูกนั่นแปลว่าคุณพลาดอย่างหนัก เพราะมันจะทำให้พวกเขาต่อต้าน เด็กก็คือเด็ก! ไม่ใช่ความผิดของเด็กที่เขาจะง่วงนอน แต่มันเป็นความผิดของคุณต่างหากที่สอนอย่างไรทำให้ลูกไม่เข้าใจ จนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน ตัวหนังสือตัวเลขที่อยู่ตรงหน้าเบลอๆ ไปหมด สุดท้ายก็ zzzZZZ…
แล้วคนเป็นครูเขาสอนอย่างไร? มันอาจเป็นไปได้ว่าบรรยากาศในห้องเรียนนั้นไม่ค่อยเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ อีกทั้งคุณจะสังเกตเห็นได้ว่าวิชาคณิตศาสตร์ หรือภาษาไทย มักจะอยู่คาบเรียนช่วงเช้าไม่อยู่ช่วงบ่าย เพราะโดยปกติเด็กจะเรียนช่วงเช้าพักกลางวันกินข้าววิ่งเล่น ตกบ่ายมาเด็กจะเหนื่อยและเริ่มง่วงนอน ดังนั้น วิชาหลักภาคทฤษฎีจึงจำเป็นจะต้องอยู่คาบเช้าก่อนพักกลางวัน
ของเปรี้ยว
ถ้าคุณจะต้องอธิบายเรื่องโจทย์ปัญหาบวกลบคูณหาร ก่อนจะเปิดบทเรียนหรือโจทย์ข้อสอบขึ้นมา เตรียมผลไม้เปรี้ยวจัดเอาไว้เลย แต่อย่าให้เป็นของดอง! (โซเดียมสูง) หรือลูกอมก็ไม่สมควร (ฟันจะผุ) ไม่ว่าจะเป็นส้ม สับปะรด มะยม วางไว้ที่โต๊ะเรียนเลย นี่คือเทคนิคเบื้องต้นเมื่อพ่อแม่จะต้องลงมือสอนเนื้อหาการเรียนอะไรให้ลูกเข้าใจ เมื่อสังเกตเห็นว่าเขาเริ่มเงียบป้อนส้ม ถ้ายังเงียบอยู่ให้เขากัดมะยมเปรี้ยวจี๊ด ตาสว่างทันที! และที่สำคัญอย่าคิดว่าที่ลูกเงียบฟังอย่างเขาใจ แต่เด็ก ๆ กำลังตกอยู่ในพะวังของความง่วงนอน ถ้าเราไม่ใช้ความเปรี้ยวเพื่อให้ลูกตื่นจากพะวัง หลับแน่ๆ และเมื่อพวกเขาเริ่มสัปหงกแล้วทีนี้อะไรจะมาฉุดก็ไม่อยู่ ง่วงงงง? ถ้าเรายิ่งฝืนให้เขาเรียนเขาจะยิ่งงอแง แม่กับลูกงอลกันลำบากพ่อต้องลงมือสอนเองแถมยังต้องทำให้แม่ลูกดีกันอีก (เหมือนในข่าว) ดังนั้น ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยความเปรี้ยว
เทคนิคในการสร้างความเข้าใจ
สิ่งที่ยากที่สุดของการสอนวิชาคณิตศาสตร์ก็คือ การทำอย่างไรให้เด็กเข้าใจเรื่องโจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ผลรวม ผลต่าง และโดยเฉพาะต้องหาผลรวมก่อนแล้วค่อยหาผลต่าง และยิ่งถ้าลูกเรียน ป.3 คุณจะยิ่งพบกับความยาก จนอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย ถ้าต้องอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า ซื้อสมุดเล่มละ 5 บาท 20 เล่ม จะต้องจ่ายเงินกี่บาท หรือถ้าจะแบ่งขนม 25 ถุง ให้น้อง 5 คน น้องจะได้ขนมคนละกี่ถุง
เทคนิคง่ายๆ ที่จะสร้างความเข้าใจให้กับเด็กได้ก็คือ รูปภาพ เราอาจไม่ต้องเสาะหารูปภาพที่มีสีสันต์มากมายเพื่อดึงความสนใจลูกก็ได้ แค่ใช้ปากกาสีน้ำเงินและสีแดง หรือสีอื่น ๆ วาดภาพแทนโจทย์เพื่อทำให้เด็ก ๆ เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ความสำคัญของการแปลงโจทย์ที่เป็นตัวหนังสือให้เป็นรูปภาพ จะช่วยให้เด็กเข้าใจได้มากกว่าการอ่านซ้ำหรือเน้นข้อความเพื่อให้พวกเขาเข้าใจ
สมุด 20 เล่มวาดลงไป แล้วเขียนเลข 5 กำกับไว้ทุกเล่มเป็นราคา หรือวาดขนม 25 ถุง แล้ววงกลมแบ่งให้น้อง 5 คน คนละเท่า ๆ กัน ภาพที่เป็นเพียงลายเส้นง่าย ๆ เหล่านี้จะช่วยให้เด็กเข้าใจว่าพ่อแม่อย่างเรากำลังสื่อสารอะไรให้พวกเขาเข้าใจ และการที่เราอธิบายด้วยรูปภาพบ่อย ๆ ลูกของเราจะกลายเป็นคนคิดอะไรด้วยภาพ ซึ่งแน่นอนมันสร้างเข้าใจได้ง่ายกว่าตัวหนังสือกับตัวเลขในมโนภาพของความคิด สำหรับการทำความเข้าใจ และนี่คือการเริ่มต้นปลูกฝังให้ลูกมีความคิดในทุกเรื่องและทุกสิ่งทุกอย่างเป็น Mind Map แน่นอนแผนภาพความคิดจะทำให้พวกเขาเก่งขึ้นและเข้าใกล้คำว่าอัจฉริยะมากยิ่งขึ้น
เทคนิคการสอนคณิตศาสตร์ของครูพิพัฒน์พงศ์
ทุกครั้งที่เปิดเทอมใหม่ หรือทุกครั้งที่นักเรียนรุ่นใหม่เข้าเรียนในโรงเรียนกวดวิชา ครูพิพัฒน์พงศ์จะเสียงแหบและเหนื่อยกลับบ้านทุกครั้ง เพราะการได้พบกันครั้งแรกของครูและนักเรียน ครูพิพัฒน์พงศ์จะต้องสร้างความประทับใจให้เด็ก ๆ ก่อนเสมอ เพื่อให้เขาหันมาสนใจกับตัวเลขและเทคนิคต่าง ๆ บนกระดาน เพราะฉะนั้นเทคนิคที่สำคัญของครูพิพัฒน์พงศ์ก็คือ การเอาความสนุกใส่เข้าไปบนกระดานสอน
ไม่มีใครสอนเหมือนครู ไม่มีใครสอนสนุกเหมือนครู (แถมนินทาครูคนอื่นให้ฟัง ไม่ดีลูก!) ครูพิพัฒน์พงศ์เดินผ่านนักเรียนคนไหนคนนั้นกล้าที่จะพูดและกล่าวทักทายครูพิพัฒน์พงศ์ และหัวเราะเฮฮา ในชั้นเรียนไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนเวลาปกติหรือโรงเรียนกวดวิชา เสียงชั้นเรียนที่ครูพิพัฒน์พงศ์เข้าสอนจะเสียงดังเหมือนตึกจะถล่มทุกครั้ง ยิ่งนักเรียนหัวเราะชอบใจ ครูพิพัฒน์พงศ์ยิ่งเพิ่มพลังเสียงและเทคนิคมากมายย้ำเข้าไปอีกไม่รู้จบ นี่คือสาเหตุที่ครูลืมเอาเสียงกลับบ้าน และสิ่งเหล่านี้คือสไตล์การสอนของครูพิพัฒน์พงศ์
ครูพิพัฒน์พงศ์กับประสบการณ์สอนกว่า 20 ปี ทำให้ครูรู้ว่าจะต้องสอนเด็ก ๆ ทุกกลุ่มอายุอย่างไรให้พวกเขาเกิดความเข้าใจ เมื่อเข้าใจเนื้อหา ไม่ว่าโจทย์ข้อสอบจะยากขนาดไหน มาแนวไหน นักเรียนจะสามารถนำความเข้าใจนั้นมาหาคำตอบได้ในเวลาอันรวดเร็ว เชื่อใจครูพิพัฒน์พงศ์ ลูกของคุณจะทำให้คุณปลื้มระคนไปกับความฉงน “นี่ลูกฉันเก่งขนาดนี้เชียวหรือ!”
เชื่อครูสิ! By ครูพิพัฒพงศ์